สำนักอุุตุนิยมวิทยาอินโดนีเซีย ประเมินว่า สภาพอากาศเลวร้ายน่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เครื่องบินสายการบิน อินโดนีเซีย แอร์เอเชีย เที่ยวบิน คิวแซด 8501 ประสบอุบัติเหตุ โดยเครื่องบินน่าจะปะทะกับพายุระหว่างเดินทางจากอินโดนีเซียไปยังสิงคโปร์ ซึ่งสภาพอากาศในขณะนั้นได้ทำให้เกิดน้ำแข็งเกาะเครื่องยนต์ จนสร้างความเสียหายต่อระบบหล่อเย็น และทำให้เกิดโศกนาฏกรรมในที่สุด
“สภาพอากาศอันเลวร้ายน่าจะเป็นสาเหตุที่เป็นไปได้มากที่สุดในการเกิด อุบัติเหตุ จากน้ำแข็งที่สร้างความเสียหายแก่เครื่องยนต์” สำนักงานด้านภูมิอากาศแห่งชาติของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ระบุในรายงานการตรวจสอบสภาพอากาศในวันเกิดเหตุ ความยาว 14 หน้า ที่ได้รับการเปิดเผยเมื่อวันที่ 2 ม.ค.ที่ผ่านมา
ด้านกรณีที่กระทรวงคมนาคมสั่งระงับการบินเส้นทางสุราบายาไปสิงคโปร์ของ แอร์เอเชีย เนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตนั้น องค์กรการบินสิงคโปร์ (ซีเอเอเอส) และกลุ่มท่าอากาศยานชางกีสิงคโปร์ (ซีเอจี) ออกแถลงการณ์ร่วมแย้งว่า ทุกสายการบินต้องได้รับการอนุมัติจากกรมการบินพลเรือนของประเทศปลายทาง ภายใต้ข้อตกลงการบริการทางอากาศ (เอเอสเอ) รวมถึงได้รับอนุญาตจากท่าอากาศยานให้ทำการขึ้นบินหรือลงจอดของเครื่องบินได้
ทั้งนี้ สำหรับสายการบินอินโดนีเซีย แอร์เอเชีย เที่ยวบินดังกล่าวได้รับการอนุมัติจากซีเอเอเอสและซีเอจีให้ขยายบริการเส้น ทางสุราบายา-สิงคโปร์ แบบรายวันได้ในช่วงฤดูหนาว ระหว่างวันที่ 26 ต.ค. 2014 จนถึงวันที่ 28 มี.ค. 2015 ตามความตกลงทวิภาคีของเอเอสเอและการใช้สนามบิน
ส่วนการค้นหาชิ้นส่วนเครื่องบินและการกู้ร่างเหยื่ออุบัติเหตุครั้งนี้ ทีมค้นหาได้พบชิ้นส่วนเครื่องบินขนาดใหญ่ราว 10x1 เมตร เป็นชิ้นที่ 5 แล้ว โดยพบใกล้เกาะบอร์เนียว ทว่าคลื่นลมทะเลแรงทำให้การกู้ซากเป็นไปด้วยความยากลำบาก
อย่างไรก็ตาม นักประดาน้ำราว 95 คน ได้เตรียมพร้อมปฏิบัติภารกิจเข้าไปยังพื้นที่ที่คาดว่าลำตัวเครื่องบินจม อยู่ในทันทีที่คลื่นลมเริ่มสงบ โดย ทาตัง ไซนูดิน หัวหน้าหน่วยค้นหาและกู้ภัยของอินโดนีเซีย คาดการณ์ว่า ร่างผู้โดยสารและลูกเรือส่วนใหญ่น่าจะยังติดอยู่กับที่นั่งในตัวเครื่อง
นอกจากนี้ การชันสูตรพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลของเหยื่อยังมีอุปสรรคสำคัญ เนื่องจากผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ทำให้ไม่อาจกระทำได้หากครอบครัวไม่ลงนามยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร
ด้านสายการบิน แอร์เอเชียอินโดนีเซีย ระบุว่า หน่วยค้นหาและกู้ภัยแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซียหน่วยงานตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์ ผู้ประสบภัยพิบัติของสำนักงานตำรวจแห่งสาธารณะรัฐอินโดนีเซียยืนยันว่าพบ ร่างของผู้โดยสารทั้งสิ้น 34 คน โดยหน่วยงานตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์ผู้ประสบภัยพิบัติของสำนักงานตำรวจแห่ง สาธารณะรัฐอินโดนีเซีย ได้ตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลของผู้โดยสารแล้วเสร็จทั้งหมด 9 คน ส่วนอีก 25 คนยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญการตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์ผู้ประสบภัยพิบัติจากสิงคโปร์ จำนวน 7 คนได้เดินทางมาถึงเพื่อช่วยในกระบวนการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล ส่วนผู้เชี่ยวชาญการตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์ผู้ประสบภัยพิบัติจากเกาหลีใต้ 1 คน และจากออสเตรเลีย 1 คน จะมาร่วมทำงานในวันนี้
ข้อมูลจาก: posttoday.com