พระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงประทานไปในที่ต่างๆล้วนมาจากบ้านคุณลุงทองดี หรรษคุณารมณ์ ประธานมูลนิธิพระบรมธาตุ ในพระสังฆราชูปถัมป์ ตลอดระยะเวลา ๒๐ กว่าปีนั้น ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุไปบรรจุแล้ว ๓๐๐ กว่าเจดีย์ พระพุทธรูปมากกว่า ๙๐๐ องค์ ทั่วประเทศไทย และในต่างแดน
ประมาณปีพ.ศ.๒๕๒๐ คุณลุงทองดี หรรษคุณารมณ์ ประธานมูลนิธิพระบรมธาตุ ในพระสังฆราชูปถัมป์ ได้ชวนภรรยาไปทัวร์ประเทศอินเดีย-เนปาล ซึ่งเป็นสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า โดยไปกราบสังเวชนียสถาน ๔ ได้แก่ สถานที่ประสูติ ตรัสรู้ ปฐมเทศนา และปรินิพพาน คุณลุงทองดี เล่าว่า ระหว่างเดินทางไปตามสถานที่ที่มี พระธาตุ จะได้ยินเสียงคล้ายคลื่นวิทยุอยู่ในหูตลอดเวลา ความรู้สึกคิดว่า ด้านในเจดีย์ต้องมีพระธาตุ แต่ไม่มั่นใจว่า สิ่งที่รู้นั้นเป็นพระธาตุจริงหรือไม่ เพราะไม่เคยรู้มาก่อน จากการศึกษาพบว่า พระธาตุต่างๆ เหล่านี้ จมดินจมทรายหมด สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ได้อัญเชิญพระธาตุ ออกมาบรรจุสร้างเจดีย์ ๘๔,๐๐๐ องค์ ในอินเดีย ซึ่งพระพุทธเจ้าปรินิพพาน ได้แบ่งพระธาตุออกเป็น ๑๖ กอง ให้อาณาจักรต่างๆ ไปบูชา เสร็จแล้วพระเจ้ากัสสปะเห็นพระธาตุเหล่านี้จะสูญ เลยให้พระเจ้าอชาติศัตรูสร้างเจดีย์ เพื่ออัญเชิญพระธาตุกลับมาประดิษฐานที่เก่า หลังจากนั้นเมื่อพระเจ้าอโศกขึ้นครองราชย์ ก็อัญเชิญพระธาตุเหล่านี้ออกมาสร้างเจดีย์ทั่วประเทศอินเดีย
วันหนึ่ง ขับรถแวะกินข้าวที่กำแพงเพชร เลยเข้าไปดูเจดีย์ช้างล้อม ปรากฏว่า สภาพเจดีย์มีความทรุดโทรมอย่างมาก ทั้งๆ ที่ศาสนาพุทธในเมืองไทยถือว่ารุ่งเรือง แต่เจดีย์ช้างล้อมอายุประมาณ ๗๐๐ ปี กลับไม่มีการบูรณะ จังหวะยืนมอง ได้ก้มลงกราบพร้อมกล่าวว่า ‘พระบรมสารีริกธาตุ พระอรหันตธาตุ ที่อยู่ในที่ไม่อันควรทั้งหลาย ขอให้ไปอยู่ที่บ้านลูก ลูกจะอัญเชิญไปประดิษฐานยังที่อันควรให้เอง ลูกจะทำงานชิ้นนี้ให้ ตอนอธิษฐานมีความตั้งมั่นมาก พอเดินทางถึงเชียงใหม่นอนแล้วฝันว่า พระธาตุมาที่บ้านเยอะมาก ภรรยาก็เลยบอกว่า คุณคิดมาก จึงฝันไปไม่ใช่เรื่องจริง แม้จะเป็นเพียงความฝัน แต่กลับรู้สึกมั่นใจว่า สิ่งที่ฝันนั้นต้องเป็นเรื่องจริง เมื่อกลับถึงบ้านที่คลองสาน ไปซื้อโถและเจดีย์มาวางบนผ้าปูขาวตั้งบูชาอยู่เป็นแรมเดือน ไม่มีวี่แววว่า พระบรมธาตุเสด็จมา กระทั่งวันวิสาขบูชามาถึง ได้ชวนกันไปถือศีลกินเจ นั่งสมาธิ คุยกับภรรยา ถ้าวันนี้เราตายไปยมบาลถามว่า ทองดีมีศีล ๕ กี่วัน เชื่อไหมว่า เกิดมาจนเข้าวัยกลางคนแล้ว คงไม่กล้าที่จะตอบยมบาลเป็นแน่แล้ว เพราะจะให้ตอบอย่างไรว่า เคยถือศีล ๕ กี่วัน ตรงนี้จึงตัดสินใจต้องถือศีล ๕ ให้เคร่งสักวันหนึ่ง พรุ่งนี้ตายไปยมบาลถามเรา ถึงจะกล้าตอบได้มีศีล ๕ มาแล้ว ๑ วัน
คุณลุงทองดี เล่าว่า ‘ผมคิดว่าอานิสงส์ของการถือศีล ๕ สำคัญ คืนต่อมาประมาณห้าทุ่ม นั่งสมาธิได้ยินเสียงพระสวดมนต์แว่วๆมา คิดว่าคงเป็นวัดหนึ่งวัดใดมีงานบุญ คงมีพระเป็นพันรูปสวดมนต์ รุ่งเช้าได้มาเปลี่ยนน้ำที่ถวายพระ ปรากฏว่าที่โถแก้ว และเจดีย์ที่บูชาพบว่า มีพระบรมธาตุเสด็จมาเต็มโถ ผมดีใจยิ่งกว่าได้อะไรเสียอีก ผมเลยคิดได้ว่า จริงๆ การที่ท่านไม่เสด็จเพราะว่าผมยังไม่มีศีล พระธาตุจะเสด็จมาให้เห็นได้ บุคคลผู้นั้นต้องถือศีลพอสมควร’ คุณลุงทองดี ประธานมูลนิธิพระบรมธาตุ กล่าวต่อว่า จากนั้นพระบรมธาตุก็เสด็จมาทุกวัน โดยไปซื้อโถแก้วและเจดีย์มาเพิ่มเรื่อยๆ แต่ด้วยความอยากรู้ว่า อันไหนเป็นพระบรมธาตุ หรือพระอรหันตธาตุ ตกกลางคืนเลยนั่งสมาธิ ภรรยาเห็นทันทีว่า พระสงฆ์มา ๓ รูป องค์กลางคือพระพุทธเจ้า องค์ขวาคือพระสารีบุตร องค์ซ้ายคือพระโมคคัลลานะ ท่านรับสั่งว่า ต่อไปนี้ในแต่ละวันให้เอาพระธาตุหนึ่งโถมาตั้งบูชา เจ้าของพระธาตุจะมาบอกเองว่า ชื่ออะไร พระธาตุนี้ของใคร ต่อมามีโอกาสเข้ากราบนมัสการสมเด็จพระญาณสังวร (ตอนนั้นยังไม่ได้สถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช) ได้กราบสอบถามถึงพระประวัติพระสาวกองค์ต่างๆในสมัยพุทธกาล คุณลุงทองดี ได้เข้ากราบนมัสการสอบถามพระประวัติพระสาวกอยู่อย่างนี้ทุกๆวัน องค์ท่านเจ้าประคุณสมเด็จท่านก็เมตตาเล่าพระประวัติพระสาวกแต่ละองค์ๆที่ลุงทองดีสอบถามให้ได้รับฟัง องค์ไหนไม่ทราบท่านก็เมตตาเปิดหนังสือดูให้
เมื่อวันเวลาผ่านไป ท่านเจ้าประคุณสมเด็จ ท่านจึงสงสัยว่า โยมทองดีมาสอบถามอย่างนี้ทุกๆวันทำไม และไปทราบชื่อพระสาวกมาจากไหนมากมาย จึงได้ถามลุงทองดี ถึงที่มาที่ไป คุณลุงทองดีจึงกราบเรียนถึงสาเหตุพร้อมทั้งบอกท่านว่า พระธาตุเหล่านี้ได้เสด็จมาที่บ้าน ท่านเจ้าประคุณสมเด็จมีความสนใจมาก จึงได้เดินทางมาดูพระธาตุที่บ้านโยมทองดี คุณลุงทองดีจึงได้ปรึกษากับท่านเจ้าประคุณสมเด็จว่า อยากจะนำพระธาตุเหล่านี้ไปบรรจุในเจดีย์ หลังจากนั้น เจ้าประคุณสมเด็จจึงได้อัญเชิญพระธาตุเหล่านี้ไปประทานให้ผู้ศรัทธาอัญเชิญไปบรรจุตามเจดีย์ต่างๆ ๒๐ กว่าปีนั้น ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุไปบรรจุแล้ว ๓๐๐ กว่าเจดีย์ พระพุทธรูปมากกว่า ๙๐๐ องค์ ทั่วประเทศไทย และในต่างแดน โดยไม่เคยคิดค่าใช้จ่ายใดใด อีกทั้งยังจัดเตรียมผอบทองคำ ผอบเงิน ผอบนาค ผอบกระเบื้องเคลือบอีก ๒ ชั้น ซึ่งใช้ครอบเป็นชั้นๆตามลำดับ ทั้งหมด ๕ ชั้น ก่อนจะถวายไปยังสถานที่ต่างๆ อีกด้วย
หมู่คณะที่ไปด้วยกันได้ถามคุณลุงทองดี ว่าอดีตชาติคุณลุงเคยเกิดเป็นใคร ทำไมชาตินี้ถึงได้มีโอกาสดูแลพระธาตุได้มากมายขนาดนี้ คุณลุงทองดี ได้ตอบว่า ”อดีตเป็นเรื่องผ่านไปแล้ว อย่าไปสนใจเลย ขอให้ดูการกระทำในปัจจุบันดีกว่า ลุงเองมีความปรารถนาที่จะเป็นผู้ดูแล พระบรมสารีริกธาตุไม่ให้กระจัดกระจาย และให้ไปอยู่ในที่อันสมควรแก่การกราบไหว้ ให้พุทธศาสนิกชนได้มีโอกาสกราบสักการบูชา ดังคำที่ลุงได้เคยอธิษฐานไว้ว่า พระบรมสารีริกธาตุ พระอรหันตธาตุ ที่อยู่ในที่ไม่อันควรทั้งหลาย ขอให้ไปอยู่ที่บ้านลูก ลูกจะอัญเชิญไปประดิษฐานยังที่อันควรให้เอง ลูกจะทำงานชิ้นนี้ให้”
Cr : https://www.facebook.com/dcj.sink
.png)
