แม่ร้องไห้โฮ!!บอกให้ลูกชายตื่นขึ้นมา “แม่จะอยู่ยังไง” หลังพบร่างลูกไร้ลมหายใจเสียชีวิตคาห้องนอนเหตุโหมฟิตร่างกายเตรียมร้องแข่ง “เดอะวอยซ์” พบไลน์สุดท้ายบ่นเหนื่อยในการฟิตร่างกาย ปวดตามเนื้อตามตัว
วันนี้(14มิ.ย.58)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.นัทธกานต์ วรรณพันธ์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งว่า มีคนเสียชีวิต อยู่ที่บ้านเลขที่194/1 หมู่ 9 ชุมชนหนองเหล็กในเขตเทศบาลนครอุดรธานีจึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยแพทย์เวรโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี และมูลนิธิอุดรส่งเสริมธรรม
ในที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูน 2 ชั้น พบศพผู้เสียชีวิตอยู่ภายในห้องนอนชั้นสอง นอนคว่ำหน้าไม่ใส่เสื้อ นุ่งกางเกงใน บ๊อกเซอร์ขาสั้นลายน้ำเงินขาว ทราบชื่อนายมงคล สาระภูมิ อายุ 29 ปี ซึ่งมีนางกัลญา จินดาธกูล อายุ 51 ปี แม่ของผู้ตายกอดศพลูกชายร้องไห้ไฮใจจะขาด บอกให้ลูกชายตื่นขึ้นมา “แม่จะอยู่ยังไง” โดยมีญาติๆ พอทราบเรื่องได้เดินทางดูศพ ด้วยความเศร้าโศกเสียใจ ซึ่งผู้ตายกำลังจะมีอนาคตจะไปแข่งขันร้องเพลงเดอะวอยซ์ไทยแลนด์
จากการสอบสวนนางกัลญา จินดาธกูล ให้การว่า ตนกับลูกชายอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้สองคน ลูกชายมีอาชีพเป็นนักร้อง ล่าสุดร้องอยู่ร้านแห่งหนึ่ง ถนนศรีชมชื่น หลังโรงเรียนอุดรพิทยานุกูล โดยเมื่อคืนนี้(13มิ.ย.)ลูกชายไปทำงานร้องเพลงตามปกติ จนกระทั่งในวันนี้(14มิ.ย.)ผิดสังเกตลูกชายไม่ตื่นขึ้นมากินข้าวเพราะปกติลูกชายจะตื่นขึ้นช่วงเวลาไม่เกินเที่ยงวัน ตนจึงได้เคาะประตูห้องนอนร้องเรียกแต่ไม่มีเสียงตอบรับอยู่นาน ได้ตัดสินงัดห้องนอนปรากฏว่าเห็นลูกชายนอนคว่ำเสียชีวิตแล้ว ก่อนที่จะโทรศัพท์แจ้งญาติและเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว
โดยก่อนหน้านี้ลูกชายได้สมัครไปแข่งขันร้องเพลงเดอะวอยซ์ไทยแลนด์ ในวันที่ 3 ก.ค. นี้จะไปแข่งขัน ทำให้ลูกชายต้องฟิตร่างกายให้แข็งแรงเพื่อเตรียมตัวไปแข่งขันร้องเพลง ทำให้ทางครอบครัวและญาติพี่น้องทุกคนภูมิใจและตั้งความหวังไว้กับนายมงคล เป็นอย่างมาก ที่จะได้ไปออกทีวีช่อง 3 ที่ไปประกวดร้องเพลงครั้งนี้ แต่ก็มาเสียชีวิตเสียก่อน
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบดูแท็บเล็ตของผู้ตาย พบว่าผู้ตายได้แชทในโปรแกรมไลน์คุยกับเพื่อน เมื่อคืนนี้ ช่วงเวลา 03.00 น. บ่นว่าเหนื่อยในการฟิตร่างกาย ปวดตามเนื้อตามตัว
แพทย์ได้ทำการชันสูตรพลิกศพ ตามร่างกายไม่พบบาดแผลถูกทำร่างกายแต่อย่างใดเสียชีวิตมาได้ 6-8 ชั่วโมง สาเหตุการตายขาดอากาศหายใจเนื่องจากนอนคว่ำหน้า ทางญาติไม่ติดใจการตายครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานก่อนที่จะมอบศพให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป
ที่มา http://social.tnews.co.th/content/147415/